ติดต่อลงโฆษณา racingweb@gmail.com

ผู้เขียน หัวข้อ: การจัดฟันเด็ก ในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร  (อ่าน 102 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 433
    • ดูรายละเอียด
การจัดฟันเด็ก ในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร
 
การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมในเด็กที่ได้รับความนิยมากในปัจจุบัน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะมองเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟันที่อาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้อนาคต ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำเด็กๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ซึ่งส่วนใหญ่ทันตแพทย์จัดฟันจะแนะนำให้เด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน เข้ารับการจัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการที่เด็กในวัยที่กำลังมีการเจริญเติบโตของฟัน สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าตอนโตแล้ว ซึ่งหากอายุมากขึ้น การแก้ไขปัญหาฟันก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นนั่นเอง ในการจัดฟันในเด็กนั้น ยังเป็นการสร้างทันตคติเกี่ยวกับการดูแลช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างดีอีกด้วย เพราะมองว่า เมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว จะต้องดุแลเอาใจใส่และต้องดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันมากกว่าคนปกติ

ดังนั้นการจัดฟันในเด็ก จึงมีประโยชน์ต่อตัวเด็กในหลายๆด้าน ซึ่งการเข้ารับการจัดฟัน ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้ และยังเป็นการป้องกันและรักษาความผิดปกติของฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมและมีการบดเคี้ยวที่ดีขึ้นได้ โดยการใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟันที่ผิดปกติ ไม่สวยงาม และไม่เป็นระเบียบ ให้มีโครงสร้างและรูปร่างใบหน้าที่ดีและสวยงามขึ้น ซึ่งเครื่องมือจัดฟันที่ใช้จะช่วยเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์ของสุขภาพช่องปากและฟัน
 
สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ตระหนักและตัดสินใจที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาและวัยที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงอายุประมาณ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด

ทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเป็นประโยชน์ต่อการจัดฟัน แต่หากอายุมากแล้วหรือประมาณ 30 ปีขึ้นไป อาจต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่นานกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีและปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการรักษา นอกจากนี้ การที่พาเด็กเข้ารับการจัดฟันก่อนอายุ 13 ปีนั้น นอกจากจะทำให้ฟันเข้ารูปเรียงตัวกันสวยงามตามธรรมชาติได้ง่ายกว่าในวัยเจริญเติบโตแล้ว ยังทำให้ใบหน้าเข้ารูปสวยงามได้อีกด้วย

ซึ่งต่างจากการจัดฟันตอนที่อยู่ในช่วงใกล้หยุดเจริญเติบโต หรือในช่วงเด็กโตเนื่องจากฟันจะเข้ารูปยากกว่าแถมไม่ช่วยเรื่องโครงหน้าอีกด้วย เหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า หรือมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่อาจจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมหรือพฤติกรรมในวัยเด็ก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ และภายหลังการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้เด็กดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟันให้สะอาด

โดยใช้แปรงสีฟันสำหรับผู้ที่จัดฟันโดยเฉพาะ ทำความสะอาดภายหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและก่อนเข้านอน รักษาเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ให้หลุดหักหรือบิดเบี้ยว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียวรวมทั้งของหวาน ระมัดระวังเมื่อเล่นกีฬาที่อาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรง รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และพบทันตแพทย์ตามนัดหมาย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีฟันที่สวยงามตั้งแต่อายุยังน้อย ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาฟันในตอนโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย